เทรดเดอร์ Forex หลายคนไม่ได้พอร์ตพังเพราะกลยุทธ์แย่ แต่พอร์ตพังเพราะ “วันเดียวหลุดคุมสติ” เทรดแก้มือรัว ๆ จนขาดทุนเกินกว่าที่พอร์ตจะรับไหว ปัญหาแบบนี้ไม่ได้แก้ด้วยอินดิเคเตอร์ใหม่ หรือระบบเทรดล้ำ ๆ แต่แก้ด้วย “กฎหยุดขาดทุนรายวัน” หรือที่หลายคนเรียกว่า Daily Loss Limit
บทความนี้จะโฟกัสแค่เรื่องเดียว คือ
วิธีตั้ง Daily Loss Limit แบบเป็นระบบ นำไปใช้จริงได้ และช่วยลดโอกาสที่พอร์ตจะพังในวันเดียว
Daily Loss Limit คืออะไรในทางปฏิบัติ?
Daily Loss Limit คือ “ขีดจำกัดการขาดทุนสูงสุดต่อวัน” ที่คุณกำหนดไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจนว่า
หากวันนี้ขาดทุนถึงจำนวนนี้แล้ว จะหยุดเทรดทันที ไม่เปิดออเดอร์ใหม่ ไม่เทรดแก้มือ และไม่เพิ่มความเสี่ยง
ตัวอย่างเช่น
- คุณตั้งกฎว่า วันนี้ห้ามขาดทุนเกิน 2% ของพอร์ต
- ถ้าพอร์ตเริ่มต้นวันนั้นที่ 1,000 USD
- Daily Loss Limit = 2% = 20 USD
- เมื่อขาดทุนรวมกันครบ 20 USD ไม่ว่าจะมาจากกี่ออเดอร์ก็ตาม คุณต้อง “ปิดจอ หยุดเทรด” ทันที
สิ่งสำคัญคือ Daily Loss Limit ต้องเป็น “กฎที่แตะแล้วหยุด” ไม่ใช่ “แตะแล้วลังเล”
ทำไม Daily Loss Limit ถึงสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ Forex?
1. ป้องกันไม่ให้วันแย่ ๆ กลายเป็น “วันพอร์ตพัง”
ตลาดมีวันที่ไม่เป็นใจเสมอ แม้ระบบดีแค่ไหนก็มีช่วงที่แพ้ติดกัน Daily Loss Limit ทำหน้าที่เป็นเบรกมือฉุกเฉิน
2. ลดการเทรดด้วยอารมณ์ (Emotional Trading)
หลังจากแพ้ 2–3 ออเดอร์ติดกัน เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เริ่มเทรดแก้มือ ขยายล็อต หรือฝืนสวนตลาด Daily Loss Limit ช่วยบังคับให้คุณ “หยุดก่อนที่อารมณ์จะพังไปมากกว่านี้”
3. ช่วยให้การจัดการความเสี่ยงเป็นระบบมากขึ้น
ถ้าคุณมีทั้ง Risk per Trade (เช่น 1–2% ต่อออเดอร์) และ Daily Loss Limit ที่ชัดเจน พอร์ตของคุณจะมีโครงสร้างป้องกันความเสียหายทั้ง “ระดับจุลภาค” (ต่อออเดอร์) และ “ระดับมหภาค” (ต่อวัน)
จะกำหนด Daily Loss Limit เท่าไหร่ดี?
ไม่มีตัวเลขตายตัวสำหรับทุกคน แต่มีแนวทางทั่วไปที่ใช้ได้กับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่
1. เริ่มต้นที่ 2%–3% ของพอร์ตต่อวัน
ตัวอย่าง
- พอร์ต 1,000 USD
- Daily Loss Limit = 2% → 20 USD
- หรือ 3% → 30 USD
2. อย่าให้ Daily Loss Limit สูงกว่าความเสี่ยงที่คุณใช้ต่อออเดอร์มากเกินไป
ถ้าคุณเสี่ยง 1% ต่อออเดอร์
- Daily Loss Limit 2% = แพ้ได้เต็มที่ 2 ออเดอร์ต่อวัน
- Daily Loss Limit 3% = แพ้ได้ 3 ออเดอร์ต่อวัน
3. เลือกตัวเลขที่คุณ “รับได้ทางจิตใจ”
ถ้าวันหนึ่งขาดทุนระดับนั้นแล้วคุณยังพอรับได้ ไม่เครียดจนนอนไม่หลับ แปลว่าเป็นระดับที่เหมาะสม
ตัวอย่างจริง: การตั้ง Daily Loss Limit สำหรับพอร์ต 1,000 USD
สมมติคุณมีเงื่อนไขดังนี้
- ขนาดพอร์ต = 1,000 USD
- เสี่ยงต่อออเดอร์ = 1% → 10 USD
- ตั้ง Daily Loss Limit = 3% → 30 USD
แปลว่า
- วันนี้คุณแพ้เต็มที่ได้ 3 ออเดอร์ (3 × 10 USD = 30 USD)
- ถ้าแพ้ครบ 3 ออเดอร์ ไม่ว่าตลาดจะน่าสนใจแค่ไหน คุณต้องหยุดเทรดทันที
สถานการณ์ที่มักเกิดขึ้น
- แพ้ 2 ออเดอร์ติดกัน
- ขาดทุน 20 USD
- ยังเหลือช่องว่างอีก 10 USD
- คุณสามารถเลือกเปิดออเดอร์ที่ 3 ได้ แต่ต้องมั่นใจว่าทำตามแผน ไม่ใช่เทรดแก้มือ
- ถ้าแพ้ออเดอร์ที่ 3
- ขาดทุนรวม 30 USD
- ระบบจะ “สั่งหยุด”
- คุณต้องยอมรับว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเรา แล้วเก็บแรงไปใหม่วันพรุ่งนี้
เชื่อม Daily Loss Limit กับ Risk per Trade อย่างไรให้ทำงานสอดคล้องกัน?
Daily Loss Limit ไม่ได้ทำงานเดี่ยว ๆ แต่ต้องเชื่อมกับ Risk per Trade ที่คุณกำหนดไว้
ขั้นตอนง่าย ๆ คือ
1. เลือก Risk per Trade ก่อน
เช่น 1% ต่อออเดอร์
2. กำหนดว่า “วันหนึ่งยอมแพ้ได้กี่ครั้งเต็มที่?”
เช่น แพ้ติดกัน 3 ออเดอร์ถือว่าเริ่มหลุดโฟกัสแล้ว
3. นำตัวเลขไปคูณกัน
Daily Loss Limit = Risk per Trade × จำนวนออเดอร์ที่ยอมแพ้เต็มที่ในหนึ่งวัน
ตัวอย่าง
- Risk per Trade = 1%
- ยอมแพ้ได้สูงสุด 3 ออเดอร์ต่อวัน
- Daily Loss Limit = 1% × 3 = 3%
วิธีนี้ทำให้กฎทั้งสองสอดคล้องกันโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่ตั้งตัวเลขแต่ละส่วนแบบแยกขาดจากกัน
วิธีนำ Daily Loss Limit ไปใช้จริงในชีวิตการเทรด
การมีกฎอย่างเดียวไม่พอ สิ่งสำคัญคือ “การทำให้มันใช้งานได้จริง” ในชีวิตประจำวัน
1. เขียนกฎ Daily Loss Limit ให้ชัดเจนและมองเห็นได้ง่าย
- เขียนใส่กระดาษแล้วแปะไว้ที่หน้าจอ
- หรือใส่ไว้ในโน้ต / Trading Plan ว่า
- “ถ้าวันนี้ขาดทุนรวมเกิน X USD หรือ Y% ให้หยุดเทรดทันที”
อย่าเก็บไว้ในหัวเฉย ๆ เพราะตอนเครียดคุณจะลืมกฎตัวเองได้ง่ายมาก
2. ใช้ Excel หรือ Google Sheet ช่วยติดตาม
สร้างตารางง่าย ๆ บันทึกในแต่ละวันว่า
- วัน/เวลา
- ยอดพอร์ตเริ่มต้นของวัน
- ผลลัพธ์ต่อออเดอร์ (กำไร/ขาดทุน)
- ขาดทุนรวมประจำวัน
- ถึง Daily Loss Limit แล้วหรือยัง
ถ้าวันไหนขาดทุนถึง Daily Loss Limit ให้ทำเครื่องหมายชัดเจน เช่น “หยุดเทรด” เพื่อเตือนตัวเองในภายหลังว่า วันนั้นคุณรักษาวินัยได้ไหม
3. ใส่กฎนี้เข้าไปในกระบวนการเทรดของคุณตั้งแต่ก่อนเปิดกราฟ
ก่อนเริ่มเทรดทุกวัน ให้ถามตัวเอง 3 ข้อนี้
- วันนี้ Daily Loss Limit ของฉันคือเท่าไหร่?
- ถ้าแพ้ติดกันถึงจุดนั้น ฉันจะหยุดจริงไหม?
- ฉันพร้อมยอมรับผลตรงนั้นโดยไม่เทรดต่อหรือไม่?
ถ้าข้อ 3 คุณยังไม่แน่ใจ แปลว่าคุณอาจตั้ง Daily Loss Limit สูงเกินไปสำหรับสภาพจิตใจของคุณ
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ Daily Loss Limit ที่เทรดเดอร์มักมี
1. “ถ้าฉันหยุดเมื่อถึง Daily Loss Limit ฉันอาจพลาดโอกาสดี ๆ ตอนเย็น”
ความจริงคือ ถ้าวันนั้นจิตใจคุณเริ่มเสียแล้ว ต่อให้มีโอกาสดี คุณอาจจัดการมันไม่ได้ดีเท่าปกติอยู่ดี
2. “วันไหนไม่ดี ฉันควรเทรดหนัก ๆ เพื่อเอาทุนคืน”
นี่คือความคิดที่ตรงข้ามกับการจัดการความเสี่ยงอย่างสิ้นเชิง
Daily Loss Limit คือกฎที่ช่วยตัดวงจร “เทรดแก้มือ” โดยตรง
3. “ฉันมีระบบดีอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ Daily Loss Limit ก็ได้”
ต่อให้ระบบดีแค่ไหน ก็ยังมีวันแย่ ๆ มีช่วง Drawdown เสมอ
Daily Loss Limit ไม่ได้ป้องกันความผิดพลาดของระบบ แต่ป้องกัน “ความเสียหายเกินความจำเป็นในวันแย่ ๆ”
การต่อยอด: Weekly Loss Limit สำหรับคนที่เทรดถี่
ถ้าคุณเทรดบ่อยมาก วันหนึ่งเปิดหลายออเดอร์ การใช้เฉพาะ Daily Loss Limit อย่างเดียวอาจยังไม่พอ คุณสามารถต่อยอดไปใช้ Weekly Loss Limit เพิ่มได้ เช่น
- Daily Loss Limit = 3%
- Weekly Loss Limit = 6%–8%
ถ้าทั้งสัปดาห์คุณขาดทุนรวมเกินระดับนี้ ให้หยุดเทรดทั้งสัปดาห์ แล้วใช้เวลาทบทวนระบบ แทนที่จะฝืนเทรดในสภาพจิตใจที่ไม่พร้อม
สรุป: Daily Loss Limit คือเกราะป้องกันวันที่เลวร้ายที่สุด
การตั้ง Daily Loss Limit ไม่ได้ทำให้คุณกำไรเพิ่มขึ้นในทันที แต่ช่วยป้องกันไม่ให้ “วันเดียว” ทำลายผลลัพธ์ของทั้งเดือนหรือทั้งไตรมาส
สรุปแนวคิดสำคัญคือ
- กำหนดเปอร์เซ็นต์ขาดทุนต่อวันที่ยอมรับได้ (เช่น 2%–3%)
- ผูก Daily Loss Limit เข้ากับ Risk per Trade อย่างเป็นระบบ
- เมื่อขาดทุนถึงระดับนั้นแล้ว ต้องหยุดเทรดทันที ไม่เทรดแก้มือ
- บันทึกผลทุกวัน เพื่อดูว่าคุณรักษาวินัยได้จริงหรือไม่
ถ้าคุณเริ่มใช้ Daily Loss Limit ร่วมกับระบบกำหนดล็อตแบบมีโครงสร้าง เช่น Fixed Fractional ที่เราเขียนไปในบทความก่อนหน้า พอร์ตของคุณจะมี “ชั้นป้องกันความเสี่ยง” ที่แข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน และช่วยให้คุณอยู่ในตลาดได้อย่างยาวนานมากกว่าการเทรดแบบปล่อยให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ในแต่ละวัน
