บทนำ: บาทแข็งอันดับต้นๆ ในเอเชีย กลายเป็น “ดาบสองคม”
ช่วงปลายปี 2025 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาประมาณ 7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้กลายเป็นสกุลเงินที่แข็งแรงเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียในปีนี้ รองจากดอลลาร์ไต้หวันเท่านั้น
สำหรับนักเทรด Forex การแข็งค่าของเงินบาทไม่ได้แปลว่า “แย่หรือดี” ฝ่ายเดียว แต่หมายถึงว่าตลาด THB pairs อย่าง
- USD/THB
- EUR/THB
- JPY/THB
กำลังอยู่ในช่วงที่นโยบายภาครัฐและธนาคารกลางมีผลต่อทิศทางราคามากเป็นพิเศษ ใครที่เทรดคู่เงินเหล่านี้อยู่ จำเป็นต้องเข้าใจว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังคิดอะไร และเตรียมทำอะไรกับค่าเงินในช่วงนี้
ภาพรวมสถานการณ์: ทำไมค่าเงินบาทแข็งจน BOT ต้องขยับ
จากรายงานข่าวต่างประเทศ ระบุว่าค่าเงินบาทแข็งค่าราว 7% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และขึ้นมาทำระดับแข็งค่าที่สุดในรอบหลายปี ปัจจัยหลักมาจาก
- เงินทุนไหลเข้า ทั้งจากตลาดพันธบัตรและการลงทุนในสินทรัพย์ไทย
- การขายดอลลาร์ของผู้ส่งออกที่เร่งแลกเงินกลับมาเป็นบาท
- กระแสการซื้อขายทองคำ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม FX ของผู้เล่นรายใหญ่
ปัญหาคือ บาทที่แข็งเกินไป กำลังกลายเป็นความเสี่ยงต่อ
- ภาคการส่งออกของไทย
- ภาคท่องเที่ยวที่ยังต้องการความสามารถการแข่งขันด้านราคา
รัฐบาลและธปท. จึงถูกกดดันให้ “ทำอะไรสักอย่าง” กับทิศทางค่าเงิน ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจที่อ่อนแออยู่แล้วอาจยิ่งชะลอตัว
มาตรการใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย: โฟกัสธุรกรรมทองคำและรายได้สกุลเงินต่างประเทศ
จากรายงานของสำนักข่าว Reuters และสื่อต่างประเทศ ธปท. กำลังเตรียมมาตรการชุดใหม่เพื่อลดแรงกดดันของเงินบาท โดยเน้นไปที่ “ช่องทางที่เงินตราต่างประเทศไหลเข้าไทยเยอะเป็นพิเศษ” ได้แก่ธุรกรรมทองคำและรายได้ต่างประเทศของภาคเอกชน
มาตรการหลักที่ถูกพูดถึง ได้แก่
1. คุมเข้มธุรกรรม FX ที่เกี่ยวข้องกับทองคำ
- ให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวกับทองคำในตลาดต่างประเทศ
- เป้าหมายคือ ลดความผันผวนจากการซื้อขายทองและการปิดสถานะที่กระทบค่าเงินบาทอย่างแรงในระยะสั้น
2. บังคับให้ผู้ค้าทองรายใหญ่ต้องรายงานข้อมูลธุรกรรม
- ผู้ค้าทองรายใหญ่จะต้องส่งข้อมูลการซื้อขายและธุรกรรม FX ให้ธปท.
- ช่วยให้ธปท.มองเห็น “ภาพใหญ่” ของเงินไหลเข้าออกจากฝั่งทองคำ และตัดสินใจแทรกแซงค่าเงินได้แม่นยำขึ้น
3. เพิ่มวงเงินรายได้สกุลเงินต่างประเทศที่ไม่ต้องนำกลับประเทศ
- ธปท.เตรียมเสนอให้กระทรวงการคลังเพิ่มวงเงินรายได้ต่างประเทศที่ไม่ต้องนำกลับไทยจากเดิม 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อดีล เป็น 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อดีล
- แปลว่า บริษัทไทยที่มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศสามารถ “เก็บไว้ต่างประเทศ” ได้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องรีบแปลงเป็นบาท
- ผลคือ ลดแรงซื้อเงินบาทในตลาด spot ซึ่งช่วยชะลอการแข็งค่าของบาท
แนวนโยบายดอกเบี้ย: ยังมี “ช่อง” ให้ลดเพิ่มได้
รายงานเดียวกันระบุว่า ธปท. ได้ลดดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 4 ครั้งภายในปีนี้ ส่งผลให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบราว 3 ปีที่ราว 1.50% และผู้ว่าการคนใหม่ยังมองว่ามี “ช่อง” ให้ลดดอกเบี้ยได้อีก หากเศรษฐกิจยังอ่อนแอ
ประเด็นที่นักเทรดต้องสนใจคือ
- การลดดอกเบี้ยเพิ่ม อาจกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในทางทฤษฎี
- แต่ในโลกจริง ทิศทางบาทยังถูกกำหนดโดยกระแสเงินทุนโลก และความคาดหวังต่อเศรษฐกิจสหรัฐ/ยุโรปด้วย
- การประชุม กนง. รอบถัดไปในวันที่ 17 ธันวาคม 2025 อาจกลายเป็นจุดที่ตลาดจับตาอย่างมาก หากมีสัญญาณลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
สำหรับเทรดเดอร์ คู่เงินที่น่าจับตาเป็นพิเศษรอบวันประชุม คือ USD/THB และคู่ที่ผูกกับ THB อื่นๆ ซึ่งอาจมีการ “กระชาก” ระยะสั้นทั้งก่อนและหลังประกาศ
ผลกระทบต่อคู่เงินสำคัญ: USD/THB, EUR/THB, JPY/THB
เมื่อพูดถึงมาตรการแทรกแซงค่าเงิน ส่วนใหญ่แล้วจะส่งผลชัดเจนกับคู่เงินที่มี THB อยู่ในชื่อ
1. USD/THB
- เป็นคู่ที่สะท้อนมุมมอง “ดอลลาร์ vs เศรษฐกิจไทย + นโยบายธปท.” ได้ชัดที่สุด
- หากมาตรการช่วยลดแรงแข็งค่าของบาทจริง เราอาจเห็น USD/THB มีโอกาสรีบาวด์ขึ้นจากโซนบาทแข็ง
- แต่หากดอลลาร์อ่อนแรงจากการคาดหวังลดดอกเบี้ยฝั่งสหรัฐมากกว่า ผลของมาตรการ อาจถูกกลบได้
2. EUR/THB
- ผูกกับภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปและการคาดหวังนโยบาย ECB
- หากยูโรอ่อนจากเศรษฐกิจยุโรปชะลอ แม้บาทจะถูกกดดันให้หยุดแข็งมาก ก็อาจยังเห็น EUR/THB อยู่ในกรอบขาลง
3. JPY/THB
- ญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงที่ตลาดรอลุ้นแนวนโยบายของ BOJ โดยเฉพาะเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือออกจากนโยบายดอกเบี้ยต่ำมากเป็นพิเศษ
- การเปลี่ยนแปลงฝั่ง JPY อาจทำให้ JPY/THB แกว่งแรง โดยเฉพาะถ้า BOJ ส่งสัญญาณเข้มงวดขึ้นในขณะที่ธปท.มีแนวโน้มผ่อนคลาย
มุมมองสำหรับเทรดเดอร์ Forex ไทย: ต้องปรับยังไงให้ทันเกมนโยบาย
สำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดคู่เงินที่เกี่ยวกับเงินบาทอยู่ สิ่งที่ไม่ควรทำในช่วงนี้คือ “เทรดจากกราฟอย่างเดียวโดยไม่มองข่าว” เพราะ
- มาตรการของธนาคารกลางมักทำให้ตลาด “รีแอคทันที”
- การออกข่าวใหม่ๆ สามารถทำให้แนวรับ/แนวต้านที่ดูแข็งแรงจากกราฟ ถูกทะลุในเวลาไม่กี่นาที
แนวทางที่แนะนำ
1. เช็คข่าวก่อนเทรดทุกครั้ง
- อย่างน้อยควรเช็คข่าวใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับ ธปท., รัฐบาลไทย, เศรษฐกิจสหรัฐ และ BOJ/ECB ก่อนเปิดออเดอร์
- ถ้าวันไหนมีข่าวเกี่ยวกับการประชุม กนง. หรือประกาศมาตรการค่าเงิน ควรพิจารณาลดขนาดล็อตลง หรือรอให้ราคานิ่งก่อน
2. จัดการเลเวอเรจให้เหมาะสมกับความผันผวน
- ช่วงที่ข่าวออก คู่เงิน THB มักมีสเปรดกว้างขึ้นและราคากระชาก
- ถ้าใช้เลเวอเรจสูงเกินไป แค่สวิงสั้นๆ ก็อาจโดนล้างพอร์ตได้
3. ให้ความสำคัญกับจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) มากกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงการ “ถือดื้อๆ” โดยไม่มีแผนออกจากตลาด
- กำหนดจุด SL ตามความผันผวนจริงของตลาด ไม่ใช่ตั้งใกล้เกินไปจนโดนไส้เทียนกวาดออกก่อนราคาเดินตามทางที่คิด
ตัวอย่างแนวคิดการวางแผนเทรดในช่วงมาตรการค่าเงินบาท
เพื่อให้เห็นภาพ ลองดู “โครง” การคิดแบบง่ายๆ สำหรับนักเทรดที่เน้น Swing / Position ในคู่ USD/THB
- หากข่าวชี้ชัดว่า ธปท.เดินหน้ามาตรการเพื่อลดแรงแข็งค่าของบาทอย่างจริงจัง และสหรัฐยังไม่ได้ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเร็วเกินคาด
- แนวโน้มระยะกลางอาจเอียงไปทาง USD/THB ดีดตัวขึ้น
- นักเทรดบางคนอาจมองหาโอกาส “ซื้อเมื่อย่อตัว” ใกล้แนวรับสำคัญ แต่ต้องวัดความเสี่ยงดีๆ
- ถ้าในทางกลับกัน ฝั่งสหรัฐส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยแรงกว่าที่ตลาดคิด ในขณะที่มาตรการฝั่งไทยยังอยู่ในระดับ “พูดมากกว่าทำ”
- ดอลลาร์อาจอ่อนกว่าเงินบาท
- บางคนอาจเลือกหลีกเลี่ยงเทรด USD/THB ไปก่อน แล้วหันไปเล่นคู่ที่มีเทรนด์ชัดกว่า เช่น XAU/USD หรือคู่เมเจอร์อื่นที่ไม่ได้ถูกผูกกับนโยบาย BOT โดยตรง
สิ่งสำคัญคือ ไม่ควร “ฝืนเทรนด์ใหญ่” เพียงเพราะหวังว่า นโยบายจะเปลี่ยนทิศตลาดในทันที ตลาดมักค่อยๆ รับข่าวและปรับตัวไปเรื่อยๆ มากกว่าจะกลับตัวแบบ 180 องศาในวันเดียว
สรุป: ข่าวค่าเงินบาทไม่ใช่แค่เรื่องของเศรษฐกิจ แต่คือ “สนามจริง” ของเทรดเดอร์
มาตรการใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทยในการคุมธุรกรรมทองคำ เพิ่มการรายงานข้อมูล และขยายวงเงินรายได้ต่างประเทศที่ไม่ต้องนำกลับไทย ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงแข็งค่าของเงินบาท และพยายามช่วยภาคส่งออกกับท่องเที่ยวให้ “หายใจได้สะดวกขึ้น” ในระยะยาว
สำหรับเทรดเดอร์ Forex สิ่งที่ควรทำในช่วงนี้ไม่ใช่การเดาแบบลอยๆ แต่คือ
- ติดตามข่าว นโยบาย และกำหนดการประชุมธปท.อย่างใกล้ชิด
- ปรับขนาดพอร์ต เลเวอเรจ และจุดตัดขาดทุนให้เหมาะกับความผันผวนที่อาจสูงขึ้น
- แยกแยะให้ได้ว่า เมื่อไรควรเล่นตามเทรนด์ค่าเงิน และเมื่อไรควรหลีกเลี่ยงคู่ที่เกี่ยวกับ THB ชั่วคราว
